เทคนิครีโนเวทบ้านใหม่บนโครงสร้างเดิม: “การเปิดพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้อง”
การ รีโนเวทบ้านใหม่บนโครงสร้างเดิม ไม่จำเป็นต้องทุบทำลายบ้านทั้งหมดเพื่อให้บ้านดูใหม่และทันสมัย การ เปิดพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้อง เป็นเทคนิคที่ทั้งง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้าน ในขณะเดียวกันยังช่วยให้บ้านดูโปร่งและกว้างขึ้นได้อย่างทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาหรือใช้เงินมากมาย เทคนิคนี้จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้ในการ รีโนเวทบ้านเก่า ให้น่าอยู่และเหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน
การเปิดพื้นที่ระหว่างห้องสำคัญอย่างไร?
เมื่อพูดถึงการ รีโนเวทบ้านใหม่บนโครงสร้างเดิม เทคนิคการเปิดพื้นที่ระหว่างห้องจะเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มมิติให้กับบ้านที่มีขนาดไม่ใหญ่ หรือบ้านที่มีโครงสร้างเก่า การมีผนังหนา ๆ กั้นระหว่างห้องอาจทำให้บ้านดูอึดอัดและแคบ การ เปิดพื้นที่ระหว่างห้อง จะช่วยให้บ้านดูโปร่ง โล่ง และสว่างขึ้น และยังช่วยให้บ้านดูทันสมัยและตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันได้มากขึ้น
การใช้การ เปิดพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้อง เป็นการเชื่อมโยงพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้านให้มีความต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมจากห้องนั่งเล่นไปห้องทานข้าว หรือจากครัวไปห้องนั่งเล่น ความรู้สึกของการเชื่อมต่อจะทำให้บ้านดูสวยงามและใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการเปิดพื้นที่ระหว่างห้อง
การเปิดพื้นที่ระหว่างห้องมีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งในแง่ความสวยงามและการใช้งานจริง เรามาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้างในการ รีโนเวทบ้านใหม่บนโครงสร้างเดิม ด้วยการเปิดพื้นที่:
1. ประเมินผนังที่สามารถเปิดได้
การ รีโนเวทบ้านเก่า โดยการเปิดพื้นที่ระหว่างห้องจำเป็นต้องพิจารณาผนังที่สามารถเปิดได้ ซึ่งบางครั้งผนังบางส่วนอาจเป็นผนังที่รับน้ำหนักหรือมีโครงสร้างสำคัญ ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มทำการเปิดผนัง ควรปรึกษา ช่างรีโนเวทบ้าน หรือ บริษัทรับรีโนเวทบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดผนังจะไม่กระทบต่อโครงสร้างของบ้าน
2. เลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการเปิด
หากคุณต้องการเปิดพื้นที่ระหว่างห้องเพื่อให้บ้านดูทันสมัยและโปร่งสบาย การใช้ ประตูบานเลื่อนกระจก เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะกระจกจะช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านและทำให้พื้นที่ดูสว่างและขยายออกไป นอกจากนี้ยังสามารถปิดได้เมื่อไม่ต้องการให้พื้นที่เปิดโล่งตลอดเวลา
หากไม่ต้องการใช้กระจก บางคนอาจเลือกใช้ ผนังกระจกแบบฝ้าใส หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน เพื่อให้การเปิดพื้นที่มีความเรียบร้อยและดูสวยงาม
3. การออกแบบแสงให้เหมาะสม
เมื่อเปิดพื้นที่ระหว่างห้อง การใช้แสงที่เหมาะสมจะทำให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้น โดยการเปิดพื้นที่ระหว่างห้องจะช่วยให้แสงธรรมชาติไหลเข้ามาในบ้านได้มากขึ้น แต่คุณยังต้องใช้แสงไฟในบางพื้นที่ เช่น
• ห้องนั่งเล่นสามารถใช้ แสงไฟอุ่น เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น
• ห้องทานข้าวควรใช้แสงที่สว่างขึ้น เช่น แสงไฟ LED สีขาว เพื่อทำให้พื้นที่ดูสดใสและเหมาะสำหรับการรับประทานอาหาร
4. ปรับพื้นและสีของผนัง
การเปลี่ยนพื้นและสีของผนังจะช่วยให้การเปิดพื้นที่ระหว่างห้องดูเป็นธรรมชาติและมีความกลมกลืนกัน เช่น การเลือกใช้ พื้นไม้หรือกระเบื้องสีอ่อน ที่ทำให้ห้องดูโปร่งและไม่มืดทึบ และสีของผนังควรเลือกเป็นโทนสีอ่อน ๆ เช่น ขาวหรือครีมเพื่อให้พื้นที่ดูสว่างขึ้นและดูสบายตา
5. การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้ดี
เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ต้องเหมาะสมกับการ รีโนเวทบ้านใหม่บนโครงสร้างเดิม โดยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่กีดขวางทางเดินหรือบดบังแสง เช่น โต๊ะทานข้าวที่มีขนาดพอเหมาะกับพื้นที่ หรือเก้าอี้ที่สามารถซ่อนได้ เมื่อไม่ใช้งานจะช่วยให้พื้นที่ดูสะอาดและกว้างขึ้น
ข้อดีของการเปิดพื้นที่ระหว่างห้อง
1. เพิ่มความโปร่งสบาย
การเปิดพื้นที่ระหว่างห้องจะทำให้บ้านดูใหญ่ขึ้นและไม่รู้สึกอึดอัด ทั้งนี้ยังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาหลอดไฟมากเกินไป
2. การใช้งานที่สะดวก
การเชื่อมพื้นที่ระหว่างห้องทำให้การใช้งานต่าง ๆ สะดวกมากขึ้น เช่น ถ้าคุณทำอาหารในครัวก็สามารถทานอาหารในห้องทานข้าวได้โดยไม่ต้องเดินไกลหรือผ่านหลายห้อง
3. บรรยากาศที่ทันสมัยและเรียบง่าย
บ้านที่เปิดพื้นที่ระหว่างห้องจะให้ความรู้สึกที่ทันสมัยและมีดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ยังคงความอบอุ่นและน่าอยู่ การเลือกวัสดุที่มีความสวยงามจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับบ้านได้
การรีโนเวทบ้านใหม่บนโครงสร้างเดิม ด้วยการ เปิดพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้อง เป็นวิธีที่ทั้งสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่เพียงแต่ทำให้บ้านดูโปร่งและสวยงามขึ้น แต่ยังช่วยให้การใช้งานพื้นที่ในบ้านสะดวกและเหมาะสมกับชีวิตประจำวันได้มากขึ้น หากคุณกำลังมองหาวิธี รีโนเวทบ้านเก่า เพื่อให้ดูใหม่และทันสมัย เทคนิคนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว